คู่มือการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ ลดเสี่ยงให้วัยเก๋า

คู่มือการป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ ลดเสี่ยงให้วัยเก๋า

เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มตัว หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยและส่งผลรุนแรงต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุคือ “การหกล้ม” หรือ “การล้มของคนแก่” นี่ไม่ใช่เพียงอุบัติเหตุธรรมดา เพราะผลที่ตามมานั้นอาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต หรือเป็นภาระเรื้อรังต่อทั้งผู้สูงอายุและครอบครัว

บทความนี้จะพาผู้อ่านมาทำความเข้าใจในทุกมิติของปัญหาการหกล้มในผู้สูงอายุ ตั้งแต่สาเหตุ ความเสี่ยง ผลกระทบ และวิธีการป้องกันอย่างเป็นระบบทั้งทางกายภาพ จิตใจ สิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยลดความเสี่ยงเพื่อป้องกันการหกล้มในผู้สูงอายุ

ทำไมคนแก่ถึงล้มบ่อย?

1.การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

การเปลี่ยนแปลงของร่างกาย

ผู้สูงอายุมักประสบกับภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Sarcopenia) กระดูกบางลง (Osteoporosis) การทรงตัวลดลง ระบบประสาททำงานช้าลง สายตาและการได้ยินเสื่อมถอย ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการหกล้มได้ง่ายขึ้นแม้ในกิจกรรมประจำวันธรรมดา เช่น การเดิน การขึ้น-ลงบันได หรือการลุกนั่ง

1.1 กล้ามเนื้ออ่อนแรง (Sarcopenia)

กระบวนการเสื่อมของกล้ามเนื้อจะเริ่มชัดเจนขึ้นตั้งแต่อายุประมาณ 50 ปี และจะลดลงต่อเนื่องเมื่อเข้าสู่ช่วงวัย 60 ปีขึ้นไป กล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่ขาและลำตัวจะมีขนาดเล็กลง แรงกล้ามเนื้อน้อยลง ทำให้การทรงตัวและการเคลื่อนไหวทั่วไปมีประสิทธิภาพลดลง การลุกนั่ง การเดินขึ้น-ลงบันได หรือแม้แต่การเปลี่ยนท่าทางอย่างรวดเร็ว เช่น หันตัวหรือหยิบของ อาจทำให้เสียการทรงตัวและหกล้มได้

1.2 กระดูกบางและเปราะ (Osteoporosis)

ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนและผู้ชายสูงอายุ ความหนาแน่นของกระดูกจะลดลงเรื่อย ๆ ส่งผลให้กระดูกเปราะและหักง่าย การล้มเพียงเล็กน้อยอาจทำให้กระดูกสะโพกหรือกระดูกแขนหักได้ทันที ซึ่งยิ่งเป็นเหตุให้เกิดการล้มซ้ำและเสียความมั่นใจในการเคลื่อนไหว

1.3 การทรงตัวลดลง

ระบบการทรงตัวของร่างกายพึ่งพาทั้งสมอง ตา หูในส่วนของการรับรู้ตำแหน่งร่างกาย (vestibular system) และระบบประสาทสัมผัสที่ผิวหนังและกล้ามเนื้อ เมื่ออายุมากขึ้น ความสามารถของระบบเหล่านี้ลดลง จึงทำให้การยืนหรือเดินบนพื้นไม่เรียบเกิดความเสี่ยงสูงขึ้น

1.4 การทำงานของระบบประสาทช้าลง

ระบบประสาทมีบทบาทสำคัญในการสั่งการเคลื่อนไหวและตอบสนองต่อสิ่งเร้า การตอบสนองที่ช้าลงในผู้สูงอายุ เช่น การเหยียบของลื่น หรือสะดุดสิ่งของ อาจทำให้ไม่มีเวลาพอที่จะตั้งหลักหรือป้องกันตนเองทัน ส่งผลให้ล้มง่ายขึ้น

1.5 การเสื่อมของประสาทสัมผัส

  • สายตา ปัญหาทางสายตาเช่น ต้อกระจก ต้อหิน หรือสายตายาวตามอายุ ทำให้มองเห็นไม่ชัด มองไม่เห็นขอบพื้นต่างระดับ หรือพรมที่หลุดลุ่ย
  • การได้ยิน การได้ยินบกพร่องมีผลต่อการทรงตัวโดยตรง โดยเฉพาะหากผู้สูงอายุมีภาวะเวียนศีรษะร่วมด้วย
  • การรับรู้ความรู้สึกที่เท้า การรับสัมผัสที่ฝ่าเท้าลดลง โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นเบาหวาน ทำให้ยากต่อการรับรู้ตำแหน่งของเท้าในขณะเดินหรือยืน

1.6 ความยืดหยุ่นของข้อและเอ็นลดลง

ข้อต่อโดยเฉพาะที่ข้อเท้า เข่า และสะโพกจะมีความยืดหยุ่นลดลงตามอายุ ทำให้การก้าวเดิน ขยับตัว หรือเคลื่อนไหวในท่าทางต่าง ๆ เกิดความติดขัดหรือไม่มั่นคง

1.7 ความดันโลหิตเปลี่ยนแปลงขณะเปลี่ยนท่า

บางรายมีภาวะความดันโลหิตต่ำเมื่อเปลี่ยนท่าทางจากนั่งเป็นยืน (Orthostatic Hypotension) ซึ่งทำให้เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียน และมีโอกาสล้มลงได้อย่างกะทันหัน

กล่าวโดยสรุป การเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เกิดขึ้นในวัยสูงอายุเป็นกลไกธรรมชาติ แต่เมื่อรวมกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวยหรือขาดการดูแลอย่างเหมาะสม ก็จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการล้มและบาดเจ็บได้ง่ายขึ้น การเข้าใจร่างกายตนเองและเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อย่างต่อเนื่องจึงเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการหกล้มอย่างได้ผล

2.โรคประจำตัวและการใช้ยา

โรคประจำตัวและการใช้ยา

โรคประจำตัวอย่างความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ หรือโรคพาร์กินสัน ล้วนส่งผลต่อระบบการทรงตัว นอกจากนี้ การใช้ยาบางชนิด เช่น ยาลดความดัน ยานอนหลับ ยาต้านซึมเศร้า อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน หน้ามืด หรือเสียการทรงตัวได้ ในกลุ่มผู้สูงอายุ โรคประจำตัวและยาที่ใช้อย่างต่อเนื่องถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการล้มอย่างมีนัยสำคัญ การทำความเข้าใจกลไกของโรคและผลข้างเคียงของยา จะช่วยให้ผู้ดูแลและผู้สูงอายุสามารถวางแผนลดความเสี่ยงได้ดีขึ้น

2.1 โรคที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและการทรงตัว

  • โรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease) ผู้ป่วยจะมีอาการสั่น เคลื่อนไหวช้า และกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง ซึ่งรบกวนการทรงตัวอย่างมาก โดยเฉพาะขณะเริ่มเดิน หยุดเดิน หรือหันตัว
  • โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) ผู้ที่เคยมีประวัติหลอดเลือดสมองอุดตันหรือแตก อาจมีอาการอ่อนแรงของแขนขา ขาดการประสานงานของกล้ามเนื้อ (ataxia) หรือสูญเสียการรับรู้บางส่วน ซึ่งล้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการล้ม

2.2 โรคหัวใจและหลอดเลือด

  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ เกิดอาการหน้ามืด เป็นลม และอาจล้มได้ทันที
  • ภาวะความดันโลหิตต่ำ (Hypotension) โดยเฉพาะความดันต่ำเมื่อเปลี่ยนท่า (Orthostatic Hypotension) มักพบในผู้ที่รับประทานยาลดความดันบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ หรือ Beta-blockers

2.3 เบาหวาน

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia) จากการใช้ยาเบาหวานหรือการลืมรับประทานอาหาร อาจทำให้เกิดอาการเวียนหัว สับสน หรือหมดสติ ส่งผลให้ล้มได้ นอกจากนี้ เบาหวานยังทำลายเส้นประสาทปลายมือปลายเท้า (Peripheral Neuropathy) ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเท้าชา สูญเสียความรู้สึกในการทรงตัว

2.4 โรคทางจิตเวช

  • โรคซึมเศร้า มีผลต่อสมาธิ การประเมินสถานการณ์ และการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าลง ผู้ป่วยอาจไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ทัน
  • ภาวะสมองเสื่อม (Dementia/Alzheimer’s) ความบกพร่องด้านความจำและการรับรู้ทำให้ผู้ป่วยตัดสินใจผิดพลาด เช่น เดินในที่มืด หรือไม่ใช้ไม้เท้าช่วยเดิน

2.5 การใช้ยาในผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุมักใช้ยาอย่างน้อย 3-5 ชนิดขึ้นไปพร้อมกัน (Polypharmacy) ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อปฏิกิริยาระหว่างยา และผลข้างเคียงที่ส่งผลต่อระบบประสาท การทรงตัว และความรู้สึกตัว เช่น

  • ยานอนหลับ ยาคลายเครียด (Benzodiazepines) ทำให้ง่วง งุนงง และมึนศีรษะ
  • ยาแก้แพ้ (Antihistamines รุ่นเก่า) ทำให้ปากแห้ง ตาพร่า ง่วงนอน และสับสน
  • ยาแก้ปวดกลุ่มโอปิออยด์ (Opioids) ส่งผลต่อการรับรู้และการเคลื่อนไหว
  • ยาขับปัสสาวะ ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ความดันต่ำ หรือปวดปัสสาวะกลางคืนซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการลุกไปห้องน้ำแล้วล้ม

2.6 ปัญหาจากการจัดยา

ในบางรายอาจมีการลืมกินยา กินยาผิดเวลา หรือกินซ้ำโดยไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะผู้ที่ไม่มีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด สิ่งเหล่านี้ล้วนเพิ่มโอกาสที่เกิดภาวะแทรกซ้อนจากยา ซึ่งอาจนำไปสู่การล้มได้โดยไม่คาดคิด

3.สภาพแวดล้อมในบ้านที่ไม่ปลอดภัย

สภาพแวดล้อมในบ้านที่ไม่ปลอดภัย

บ้านซึ่งควรจะเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับการใช้ชีวิตในวัยเกษียณ กลับกลายเป็นพื้นที่เสี่ยงอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเมื่อขาดการออกแบบที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้สูงอายุ

3.1 พื้นลื่นและไม่เสมอกัน

พื้นบ้านที่ปูด้วยกระเบื้องลื่น พื้นไม้ที่มีน้ำมัน หรือพรมที่ไม่มีแผ่นกันลื่น อาจทำให้ผู้สูงอายุลื่นล้มได้ง่าย นอกจากนี้ พื้นที่ต่างระดับหรือธรณีประตูที่สูงยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้สะดุด

3.2 แสงสว่างไม่เพียงพอ

บ้านที่มีแสงสว่างน้อย โดยเฉพาะในเวลากลางคืนหรือบริเวณทางเดิน ห้องน้ำ บันได อาจทำให้ผู้สูงอายุมองเห็นไม่ชัดเจนและประเมินระยะทางผิดพลาดได้ง่าย

3.3 ห้องน้ำที่ไม่ปลอดภัย

ห้องน้ำถือเป็นจุดเสี่ยงอันดับต้น ๆ เพราะพื้นมักเปียกอยู่เสมอ หากไม่มีราวจับ ยางกันลื่น หรือเก้าอี้นั่งอาบน้ำที่มั่นคง ก็เพิ่มโอกาสลื่นล้มได้มาก นอกจากนี้ การต้องก้มหรือหมุนตัวเพื่อหยิบของขณะอาบน้ำก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยง

3.4 บันได

ผู้สูงอายุจำนวนมากประสบอุบัติเหตุจากการขึ้นลงบันได เพราะขาดพละกำลังและการทรงตัวที่ดี หากบันไดไม่มีราวจับทั้งสองด้าน ไม่มีแสงสว่างที่เพียงพอ หรือขั้นบันไดแคบ-ชันเกินไป ก็ยิ่งอันตราย

3.5 เฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้าน

เฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางเกะกะ หรือมีมุมแหลมอาจทำให้ผู้สูงอายุสะดุด หรือได้รับบาดเจ็บจากการล้ม นอกจากนี้ สายไฟที่พาดผ่านทางเดิน พัดลมหรือขาตั้งทีวีที่ไม่มั่นคงก็เป็นอันตรายที่คาดไม่ถึง

3.6 การจัดเก็บของใช้

หากของใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวันถูกเก็บไว้ในที่สูงหรือที่ต่ำเกินไป เช่น ตู้แขวนสูงหรือช่องเก็บของใต้เตียง ผู้สูงอายุอาจต้องปีน เกร็งกล้ามเนื้อ หรือก้มตัวมาก ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเสียการทรงตัวและหกล้ม

3.7 การออกแบบที่ไม่คำนึงถึงการเคลื่อนไหวของผู้สูงวัย

บ้านที่มีประตูแคบ ทางเดินเล็ก หรือมีบันไดหลายขั้นโดยไม่มีทางลาด จะไม่เอื้อต่อผู้สูงอายุที่ต้องใช้ไม้เท้า รถเข็น หรือมีข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว

สนใจลิฟท์ผู้สูงอายุ สอบถามราคาเลย!
สนใจลิฟท์ผู้สูงอายุ สอบถามราคาเลย!

แนวทางป้องกัน “คนแก่ล้ม”

แนวทางป้องกัน “คนแก่ล้ม”

1. ปรับปรุงบ้านให้ปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อม

ปรับปรุงบ้านให้ปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากสิ่งแวดล้อม

บ้านควรเป็นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับผู้สูงอายุ แต่บ่อยครั้ง กลับเป็นสถานที่ที่ทำให้พวกเขาล้มมากที่สุด โดยเฉพาะในจุดเสี่ยงอย่างห้องน้ำ บันได และทางเดินในบ้าน การปรับปรุงบ้านอย่างเหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก แนวทางที่ควรทำ ได้แก่

  • ติดราวจับในห้องน้ำและบันได จุดเสี่ยงอันดับหนึ่งของการล้มคือห้องน้ำและทางขึ้นลงบันได ควรติดราวจับให้มั่นคงบริเวณข้างชักโครก อ่างล้างมือ ฝักบัว และราวจับตลอดแนวบันได
  • ใช้พื้นกันลื่น พื้นลื่นในห้องน้ำหรือบริเวณที่เปียกน้ำได้ง่ายควรเปลี่ยนเป็นวัสดุที่กันลื่น หรือวางแผ่นกันลื่นที่มีแผ่นยางยึดพื้น
  • ยึดพรมให้แน่น หรือเลี่ยงการใช้พรมขนาดเล็ก พรมที่หลุดง่ายหรือขอบพรมงอเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้สะดุด ควรยึดด้วยเทปสองหน้า หรือเปลี่ยนเป็นพรมติดแน่น
  • จัดเฟอร์นิเจอร์ให้มีทางเดินโล่ง ทางเดินในบ้านควรกว้างพอสำหรับการเดินโดยไม่ชนสิ่งของหรือเฟอร์นิเจอร์ โดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้ไม้เท้าหรือวอล์คเกอร์
  • ติดตั้งไฟให้เพียงพอ บริเวณห้องนอน ห้องน้ำ และทางเดินกลางคืนควรมีไฟทางเดินแบบเซนเซอร์หรือไฟสลัวเปิดตลอดเวลา เพื่อให้เห็นชัดเจนขณะเดินตอนกลางคืน

2. เสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง พื้นฐานของการป้องกันล้ม

ผู้สูงอายุที่มีมวลกล้ามเนื้อน้อย สมดุลร่างกายไม่ดี หรือข้อต่อยึดติดง่าย มีโอกาสล้มสูง การเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงจึงเป็นวิธีการที่ได้ผลระยะยาวที่สุด กิจกรรมที่แนะนำ ได้แก่

  • ออกกำลังกายที่เหมาะสม
    • โยคะ หรือ ไทเก็ก เพื่อเสริมความยืดหยุ่นและสมดุล
    • เดินเร็วหรือเดินแกว่งแขน อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน เพื่อเสริมกล้ามเนื้อขา
    • ฝึกทรงตัว เช่น ยืนขาเดียว หรือลุก-นั่งจากเก้าอี้วันละหลายครั้ง เพื่อฝึกสมดุล
  • โภชนาการที่ดี
    • เน้น อาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ปลาเล็กปลาน้อย นม เต้าหู้
    • รับ วิตามินดี จากแสงแดดในช่วงเช้าหรืออาหารเสริม (ภายใต้คำแนะนำแพทย์)
    • โปรตีน จากเนื้อไม่ติดมัน ไข่ ถั่ว เต้าหู้ เพื่อสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
  • พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับไม่พอจะทำให้เวียนหัว มึนงง ขาดการทรงตัว และเสี่ยงต่อการล้มง่ายขึ้น

3. ใช้เทคโนโลยีช่วยดูแล ผสานความปลอดภัยกับความสะดวกสบาย

การใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยดูแลผู้สูงอายุในเรื่องการเคลื่อนไหวและความปลอดภัย ถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่ ตัวอย่างเทคโนโลยีที่ช่วยป้องกันการล้ม ได้แก่

3.1 ลิฟท์บ้าน (Home Lift)

เหมาะสำหรับบ้านหลายชั้น การติดตั้งลิฟท์ผู้สูงอายุจะช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้บันได และยังช่วยให้ผู้สูงอายุมีอิสระในการขึ้น-ลงโดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น ดังนั้นการเลือกซื้อลิฟท์บ้านแบรนด์ Cibes Lift จะเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่จะตอบโจทย์ช่วยดูแลคนแก่ หรือผู้สูงอายุ เพื่อป้องกันไม่ให้ “คนแก่ล้ม”

แนะนำลิฟท์ รุ่น Cibes UNO

แนะนำลิฟท์ รุ่น Cibes UNO

Cibes UNO ลิฟท์บ้านระบบสกรูจากประเทศสวีเดน ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายแบบสแกนดิเนเวียน มินิมอลแต่มีเอกลักษณ์ และสามารถเลือกวัสดุ/สีของแพลตฟอร์ม ผนัง Shaft และแผงควบคุมให้เข้ากับสไตล์บ้านได้อย่างลงตัว

จุดเด่นของ Cibes UNO
  • ติดตั้งง่าย แตกต่างจากลิฟท์โดยสารทั่วไป Cibes UNO ไม่ต้องขุดบ่อลิฟท์ (Pitless) ไม่ต้องสร้างห้องเครื่อง (Machine Roomless) และไม่ต้องกระทบโครงสร้างบ้านมาก เหมาะกับบ้านที่สร้างเสร็จแล้ว หรือแม้กระทั่งทาวน์โฮม พื้นที่แคบก็สามารถติดตั้งได้ง่ายภายในไม่กี่วัน
  • ระบบขับเคลื่อนสกรู (Screw-driven Technology) ระบบขับเคลื่อนแบบสกรูเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Cibes ที่ให้การเคลื่อนที่นุ่มนวลและเงียบ เสียงรบกวนน้อยกว่าระบบลิฟท์ทั่วไปมาก และดูแลง่าย ไม่ต้องบำรุงรักษาซับซ้อน
  • โครงสร้างลิฟท์มาพร้อมกับปล่องลิฟท์สำเร็จรูป” หรือ Ready-Made Shaft  ที่ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูง และสามารถเลือกเป็นกระจกใส เพื่อให้รับแสงธรรมชาติ และโชว์ดีไซน์ภายในบ้านได้อีกด้วย นอกจากนี้ Cibes UNO มีขนาดลิฟท์ให้เลือกในการติดตั้งมากถึง 41 ขนาด
  • ความปลอดภัยในการใช้งาน ระบบความปลอดภัยที่ครอบคลุม ตั้งแต่ระบบหยุดฉุกเฉิน แบตเตอรี่สำรองเมื่อไฟดับ โทรศัพท์ฉุกเฉินในลิฟท์ ระบบรักษาระดับพื้นอัตโนมัติ รวมถึงเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางที่ช่วยให้การใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างปลอดภัยไร้กังวล โดยเฉพาะในบ้านที่มีผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หรือผู้ทุพพลภาพ

3.2 เทคโนโลยีอุปกรณ์ช่วยเดิน

ในส่วนของเทคโนโลยีอุปกรณ์ช่วยเดิน ล่าสุดในเดือนมีนาคม 2025 รศ.ดร.รณพีร์ ชัยเชาวรัตน์ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดตัว “Wheelchair Exoskeleton”

Wheelchair Exoskeleton คือหุ่นยนต์ช่วยพยุงร่างกาย ที่พัฒนาขึ้นโดยผสมผสานเทคโนโลยีเข้ากับกายวิภาคมนุษย์ โดยใช้หลัก “Kinematic Compatibility” ร่วมกับเทคโนโลยีหุ่นยนต์ในปัจจุบัน

Wheelchair Exoskeleton มีโครงสร้างคล้าย “โครงกระดูกภายนอก” ซึ่ง ช่วยเสริมแรงให้กล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ ทำให้ผู้สวมใส่ สามารถขยับ ลุก ยืน และเดินได้ และโดยการทำงานอาศัย มอเตอร์ที่ควบคุมข้อต่อสะโพกและหัวเข่

รศ.ดร.รณพีร์ ชัยเชาวรัตน์ ได้ทดลองสวมใส่ Wheelchiar Exoskeleton ภาพอ้างอิงจาก

รศ.ดร.รณพีร์ ชัยเชาวรัตน์ ได้ทดลองสวมใส่ Wheelchiar Exoskeleton ภาพอ้างอิงจากรศ.ดร.รณพีร์ ชัยเชาวรัตน์ ได้ทดลองสวมใส่ Wheelchiar Exoskeleton ภาพอ้างอิงจาก https://www.chula.ac.th/highlight/210855/

3.3 รองเท้ากันลื่น

สำหรับรองเท้ากันลื่นสำหรับผู้สูงอายุ หรือเพื่อป้องกันการหกล้ม ในปัจจุบันได้มีการออกแบบรองเท้า ตามหลักสรีรวิทยา และกายวิภาคของผู้สูงอายุโดยเฉพาะ และวัสดุที่ทำมาจาก ดังนี้

  • ยาง EVA มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องน้ำหนักเบา ยืดหยุ่นสูง และทนทานต่อการสึกหรอได้ดีแม้ใช้งานหนัก ทั้งยังดูดซับแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงช่วยลดอาการเมื่อยล้าขณะเดินหรือยืนได้ดี
  • ยางพารา มีความหนืดและยึดเกาะพื้นได้อย่างดีเยี่ยม ทนทานต่อการใช้งานในระยะยาว และเหมาะสำหรับเดินบนพื้นเปียกลื่นมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ สระว่ายน้ำ หรือพื้นที่กลางแจ้ง
  • วัสดุ PVC เป็นวัสดุที่โดดเด่นด้านความแข็งแรง กันน้ำ และเกาะพื้นได้ดี ทั้งยังทำความสะอาดง่าย ไม่ดูดซับสิ่งสกปรก และมีราคาประหยัด จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและเหมาะกับการใช้งานหลายสถานการณ์ทั้งพื้นเปียกและพื้นแห้ง

3.4 ระบบตรวจจับการล้ม (Fall detection sensors)

เป็นอุปกรณ์ที่ผู้สูงอายุสวมไว้ เมื่อเกิดการล้มจะส่งสัญญาณเตือนให้ครอบครัวหรือทีมดูแลทราบทันที

3.5 เครื่องติดตาม GPS

สำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะหลงลืม สามารถระบุตำแหน่งได้หากหลงทาง

4.การดูแลจากครอบครัวและสังคม ปัจจัยทางใจที่ไม่ควรมองข้าม

ผู้สูงอายุที่รู้สึกว่าตนเองมีคนดูแล มีที่พึ่ง และได้รับการยอมรับ จะกล้าเคลื่อนไหวและออกจากบ้านมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพกายและใจโดยตรง แนวทางที่สนับสนุนได้ เช่น

  • ให้กำลังใจและสนับสนุน สร้างความมั่นใจในการเคลื่อนไหว อย่าทำให้รู้สึกว่าการล้มคือความล้มเหลว
  • จัดกิจกรรมกลุ่มหรือชมรมผู้สูงอายุ การมีกิจกรรมร่วมกับผู้อื่นในชุมชน จะช่วยลดความโดดเดี่ยว และส่งเสริมการเคลื่อนไหวโดยไม่รู้ตัว
  • อบรมผู้ดูแลและสมาชิกในครอบครัว ให้เข้าใจการพยุง การพาเดิน และการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย รวมถึงรู้จักสังเกตสัญญาณเตือนก่อนการล้ม เช่น เดินลากเท้า ทรงตัวลำบาก หรือมีอาการเวียนศีรษะ
สนใจลิฟท์ผู้สูงอายุ สอบถามราคาเลย!
สนใจลิฟท์ผู้สูงอายุ สอบถามราคาเลย!

“การล้ม” อาจเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของผู้สูงอายุ จากคนที่เคยเดินเหินสะดวกกลายเป็นคนที่ต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิต การเข้าใจและใส่ใจในเรื่องนี้ตั้งแต่วันนี้ คือการเตรียมพร้อมให้คนที่เรารักมีคุณภาพชีวิตที่ดี และยังเป็นการเตรียมพร้อมให้กับตัวเราเองในอนาคตด้วย

หากคุณสนใจลิฟท์บ้าน สามารถติดต่อได้ที่ บริษัท ซีเบส ลิฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด

Showroom ลิฟท์ที่กรุงเทพฯ

2113, 1 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง จังหวัดกรุงเทพมหานคร 10310

Showroom ลิฟท์ที่เชียงใหม่

123/6 หมู่ 15 ถนนชลประทาน ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ 50200

Showroom ลิฟท์ที่ภูเก็ต

20/82 (Park plaza D) หมู่ 2 ถนนเทพกระษัตรี ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 83000


ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลิฟท์บ้านระบบสกรูของเรา สามารถติดต่อเราได้ที่ https://www.cibeslift.co.th/homelift-form เพื่อรับการติดต่อกลับพร้อมนำเสนอราคา