วิธีลงทุน สร้างบ้านขาย ทำกำไร เริ่มต้นอย่างไร มีอะไรต้องรู้บ้าง

วิธีลงทุน สร้างบ้านขาย ทำกำไร เริ่มต้นอย่างไร มีอะไรต้องรู้บ้าง

การสร้างบ้านขาย เป็นหนึ่งในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังเป็นวิธีที่ดีในการสร้างรายได้เสริมและสร้างความมั่งคั่งเมื่อเวลาผ่านไป แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์อาจดูซับซ้อน แต่มือใหม่สร้างบ้านขายอย่างคุณสามารถเลือกขอบเขตเวลาและความพยายามที่คุณต้องการเพื่อหาวิธีลงทุน รวมถึงข้อควรพิจารณาที่สำคัญบางประการเกี่ยวกับวิธีการเริ่มธุรกิจสร้างบ้านขายที่ดี

โดยการทำบ้านขายนั้นสามารถทำได้โดย การซื้อที่ดินเปล่าราคาไม่สูงเพื่อนำมาสร้างบ้านขายทำกำไรหรือการเปลี่ยนบ้านเก่าเป็นบ้านหลังใหม่เพื่อขายต่อนั้น คือ การซื้ออสังหาริมทรัพย์ในราคาที่ถูก นำมาซ่อมแซมและปรับปรุง และการสร้างบ้านขายเพื่อทำกำไรเป็นการลงทุนแบบคลาสสิกในการซื้อราคาต่ำและขายราคาสูง

โดยรูปแบบการลงทุนด้านนี้สามารถทำได้หลายรูปแบบ 1.ลงทุนเองบริหารเอง 2.มีผู้ร่วมลงทุน 3.มีที่ดินแต่ไปร่วมลงทุนกับบริษัทรับเหมาก่อสร้าง การจะเลือกลงทุนแบบไหนขึ้นอยู่กับศักยภาพทางการบริหารและศักยภาพทางการเงิน

วิธีที่การสร้างบ้านขาย เพื่อให้ได้รายได้และกำไรจากอสังหาริมทรัพย์คืออะไร และมีขั้นตอนอย่างไร มาดูกันในบทความนี้

1.หาข้อมูลการลงทุนสร้างบ้านให้ได้มากที่สุด 

01 researching for home building investment business

การหาข้อมูลให้มากเป็นสิ่งสำคัญก่อนที่จะซื้อที่ดิน หากคุณสร้างอสังหาริมทรัพย์และขายไม่ได้ คุณจะสูญเสียเงินจำนวนมาก ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องทำการหาข้อมูลให้มากก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าการลงทุนของคุณจะคุ้มค่า

สิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อซื้อที่ดินได้แก่ เลือกทำเลให้ดี สถานที่ตั้ง การแบ่งเขต ดูระดับความสูงของพื้นที่ว่าต้องถมที่ดินหรือไม่ ดูทิศทางแดดและลม ดูแบบบ้าน ดูบริษัทรับสร้างบ้าน และความใกล้กับเส้นทางสาธารณูปโภค คุณควรดูองค์ประกอบในพื้นที่ด้วยหากคุณมีความคิดว่าคุณต้องการสร้างบ้านแบบไหน หรือถ้าคุณไม่แน่ใจ คุณควรดูว่าอะไรเป็นที่นิยมในละแวกนั้นเพื่อดูว่าอะไรเหมาะสมที่สุด

ต้นทุนสร้างบ้านขาย

ต้นทุนการสร้างบ้านขาย อาจเป็นหนึ่งในจุดเริ่มต้นเพื่อให้คุณได้ลองหาข้อมูลเพื่อเตรียมเงินลงทุนของคุณให้พร้อม

1.1 ราคาที่ดิน:

เปรียบเทียบราคาที่ดินที่เหมาะสมสำหรับการสร้างบ้าน โดยต้องอย่าลืมค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำสัญญาซื้อขายที่ดินด้วย

1.2 ค่าก่อสร้าง:

ค่าวัสดุก่อสร้าง เช่น ปูน ไม้ กระเบื้อง ค่าแรงงาน และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในกระบวนการก่อสร้างบ้าน

1.3 ค่าออกแบบตกแต่ง:

ค่าใช้จ่ายในการจ้างสถาปนิกหรือนักออกแบบภายในเพื่อวางแผนการก่อสร้างและการตกแต่งบ้าน นี่รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทั้งในห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัว ห้องน้ำ และนี่คือจุดสำคัญที่ทำให้คุณสามารถเพิ่มมูลค่าของบ้านได้อย่างมาก นั่นคือการติดลิฟท์บ้านหรู หรือ ลิฟท์ผู้สูงอายุ เพื่อทำให้คุณขายได้ในราคาที่สูงและแตกต่างจากบ้านทั่วไป

1.4 ค่าใช้จ่ายทางกฎหมายและการขอนุญาต:

ค่าใช้จ่ายสำหรับการขออนุญาตก่อสร้าง การรับรองความปลอดภัย และค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการขายบ้าน

1.5 สินเชื่อ:

หากคุณวางแผนกู้เงินเพื่อการสร้างบ้านขาย คุณต้องคำนึงถึงค่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการได้รับเงินกู้หรือสินเชื่อในการลงทุนในการสร้างบ้านเช่นกัน

1.6 งบการตลาดและการขาย:

ค่าใช้จ่ายในการโฆษณา ค่าช่างภาพมืออาชีพ การลงประกาศขายออนไลน์ และค่านายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์

1.7 ค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซม:

ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและบำรุงรักษาบ้านก่อนการขาย เพื่อให้บ้านสภาพดีและมีมูลค่าสูง

1.8 ค่าใช้จ่ายเผื่อฉุกเฉิน:

ควรมีเงินสำรองสำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดหรือความล่าช้าในกระบวนการสร้างและขายบ้าน

การวิเคราะห์ต้นทุนสร้างบ้านขายและการเปรียบเทียบราคาของวัสดุ แรงงาน และบริการที่ต้องใช้ในกระบวนการสร้างบ้านขาย เป็นสิ่งสำคัญที่จะให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นพื้นฐานในการวางแผนการลงทุนของคุณ

2.ค้นหาแปลงที่ดินที่ดี

02 finding the best land

ต่อไปคุณต้องหาที่ดินที่ตรงกับเกณฑ์การทำบ้านขายของคุณ นี่อาจเป็นที่ดินเปล่าหรือ หากคุณอยากได้ที่ดินราคาถูก คุณอาจมองหาทรัพย์สินที่มีปัญหาแล้วรื้อทิ้ง แต่คุณอาจไม่สามารถหาที่ดินแบบนี้ในย่านที่อยู่อาศัยหรือย่านที่พัฒนาแล้ว ดังนั้นคุณจะต้องชั่งน้ำหนักต้นทุนเพื่อดูว่าอะไรเป็นไปได้ โดยลักษณะที่ดินรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสถือว่าดีที่สุด เนื่องจากสามารถวางแบบก่อสร้างได้ง่าย

โดยการค้นหาแปลงที่ดินที่ดี คุณต้องดูลักษณะที่ดิน ดังนี้ 

2.1 ดูแหล่งที่มาของที่ดิน

2.2 ดูลักษณะของที่ดิน

2.3 ดูสิ่งรายล้อมที่ดิน 

2.4 ดูทิศทางของที่ดิน 

2.5 ดูว่าที่ดินแปลงนั้นไม่เคยเป็นทางผ่านสาธารณะ

3.เริ่มการก่อสร้างบ้าน

03 control construction wisely

เมื่อคุณซื้อที่ดินแล้ว คุณสามารถเริ่มก่อสร้างได้ คุณควรเตรียมกลยุทธ์การก่อสร้างไว้ล่วงหน้าก่อนตัดสินใจซื้อ ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่าจะไม่เสียเวลาเปล่า การก่อสร้างเป็นส่วนที่เสี่ยงที่สุดของโครงการทั้งหมด และเป็นช่วงที่อาจผิดพลาดได้มากที่สุด ดังนั้น สิ่งสำคัญคือต้องจ้างทีมงานที่แข็งแกร่งเพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน ซึ่งรวมถึงผู้รับเหมาทั่วไป สถาปนิก ผู้ตรวจสอบ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ เช่น ช่างประปา ช่างไฟฟ้า ช่างเทคนิค เป็นต้น รวมถึงผู้ให้เงินกู้ของคุณเพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีเงินในการดำเนินโครงการให้เสร็จสมบูรณ์ 

การเริ่มการก่อสร้าง มีดังนี้

3.1 เตรียมพื้นที่

3.2 วางผังอาคาร 

3.3 งานขุดเจาะเสาเข็ม 

3.4 งานฐานรากโครงสร้างชั้นล่าง 

3.5 งานโครงสร้างชั้นบน โครงหลังคา และวางระบบสุขาภิบาล 

3.6 งานมุงหลังคา โครงสร้างบันได งานหล่อชิ้นส่วนต่างๆ 

3.7 ก่อผนัง ติดตั้ง เตรียมงานระบบไฟฟ้า-ประปา 

3.8 งานฉาบผนัง และติดตั้งฝ้าเพดาน 

3.9 งานติดตั้งประตู-หน้าต่าง รวมถึงวัสดุตกแต่ง พื้น-ผนัง และงานบิลด์อิน 

3.10 ทำความสะอาด และตรวจความเรียบร้อย 

4.ทำการตลาดเพื่อหาผู้ซื้อบ้าน

04 doing marketing to find the home buyer

เมื่อบ้านสร้างเสร็จและผ่านการตรวจสอบแล้ว ก็ถึงเวลาหาผู้ซื้อ หากคุณต้องการขายโดยเร็วที่สุด คุณอาจพิจารณาจ้างนายหน้า ก่อนที่คุณจะก่อสร้างเสร็จ คุณควรติดต่อนายหน้าในพื้นที่และผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ 

นอกจากนายหน้าแล้ว การทำการตลาดออนไลน์ในปัจจุบันมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เช่น การมีเว็บไซต์ที่ใช้งานง่ายและให้ข้อมูลอย่างจริงใจและครบถ้วน การมีเว็บไซต์ที่ดี เปรียบเหมือนลงทุนกับอสังหาริมทรัพย์ ลงทุนซื้อโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ โดยพิกัดบ้านที่ลงต้องชัดเจน รวมถึงการหา Leads การยิงโฆษณา ใช้โปรโมชั่นเป็นตัวดึงดูด เป็นต้น 

5.ปิดการขายบ้านให้ได้กำไร

05 closing deal to get profit

การปิดการขายบ้านนั้นคือขั้นตอนสำคัญท้าย ๆ ของธุรกิจสร้างบ้านขาย เมื่อคุณพบผู้ซื้อที่เหมาะสมแล้ว ก็ถึงเวลาปิดการขายและเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการทำงานหนักทั้งหมดของคุณ แต่ไม่ว่าด้วยวิธีใด การเซ็นสัญญาและมอบกุญแจในท้ายที่สุดจะเป็นความรู้สึกที่คุ้มค่า

ถ้าคุณไม่ได้ใช้นายหน้าขายบ้าน หรือใช้นายหน้าก็ตาม คุณควรจะต้องรู้ว่าเวลาซื้อขายบ้านนั้นจะต้องทำอย่างไรบ้าง การสร้างและขายบ้านมีความเสี่ยงมากกว่าและต้องใช้ความชำนาญมากกว่า

สัญญาซื้อขายบ้าน มีอะไรบ้าง

ขั้นตอนทำสัญญาจะซื้อจะขาย สิ่งที่ต้องระบุให้ชัดเจนในสัญญา ควรจะมี 

5.1 ข้อมูลของผู้ซื้อผู้ขายต้องถูกต้อง 

5.2 รายละเอียดตัวทรัพย์ เช่น เลขโฉนด 

5.3 ข้อตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิว่าใครจะเป็นคนจ่าย ณ กรมที่ดิน มีค่าโอน ค่าจดจำนอง ค่าอากรณ์แสตมป์ ภาษีธุรกิจจำเพาะ ภาษีเงินได้ เป็นต้น 

5.4 ข้อตกลงการวางเงินมัดจำ

5.5 ระยะเวลาของการส่งมอบ โดยปกติประมาณ 1 เดือน 

5.6 เงื่อนไขอื่น ๆ ในสัญญา

5.7 เงื่อนไขการผิดสัญญา

5.8 เซ็นรับรองเอกสารทุกหน้าและท้ายสัญญา และต้องมี 2 ฉบับ

ตัวอย่างสัญญาซื้อขายบ้าน

คุณสามารถดาวน์โหลดหรือดูตัวอย่างรายละเอียดได้ในเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น

ทั้งนี้ทั้งนั้นการปรึกษาทนาย หรือผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์นั้นย่อมทำให้การทำสัญญาซื้อขายบ้านของคุณเป็นไปได้อย่างราบรื่นกว่าอย่างแน่นอน

สรุปคือการสร้างบ้านขายทำกำไรดีหรือไม่? 

คุณต้องคำนึงถึงความเสี่ยงเสมอก่อนที่จะสร้างบ้านแล้วจึงขายเพื่อทำกำไร ความเสี่ยงบางส่วนที่คุณต้องระวังทำการตัดสินใจอย่างรอบรู้ การทำบ้านขายนั้นสามารถนำมาซึ่งผลกำไรมหาศาลหรือการสูญเสียอย่างมากด้วยเช่นกัน โดยอย่างที่ทราบกันการลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่ยังเป็นเรื่องของการลงทุนเวลาของคุณด้วยเช่นกัน

หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติม การติดตั้งลิฟท์เพื่อเพิ่มมูลค่าบ้าน? 

ที่ซีเบส ลิฟท์ เราเป็นบริษัทลิฟท์บ้านที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านลิฟท์บ้าน เปิดมามากกว่า 75 ปี และมีการติดลิฟท์บ้านหรูทั่วโลก ดังนั้นคุณจึงมั่นใจว่า หนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกที่คุณกำลังมองหาและทำให้บ้านของคุณมีความ Luxury มากขึ้นและมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้น คุณสามารถติดต่อเราได้ที่

  • โทรศัพท์ (ฝ่ายขาย) : 02-114-6499
  • โทรศัพท์ (บริการหลังการขาย 24 ชม.) : 02-114-6998
  • อีเมล : [email protected]

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับลิฟท์บ้านหรู ระบบสกรูของเรา สามารถติดต่อเราได้ที่ https://cibeslift.co.th/homelift-form เพื่อรับการติดต่อกลับพร้อมนำเสนอราคา